TEL. & FAX +66(0)2-020-3301

ASSET TRACKING อุปกรณ์ในฝันของธุรกิจเช่ารถยนต์

ไปหน้าข่าว   19 พฤษภาคม 2564 - 15:51

เรามักเห็นการโจรกรรมรถตามเว็บไซต์ข่าวบ่อยๆ ยิ่งในหนัง ดูไปก็คิด(เอาเอง)ว่าการขโมยรถนั้นช่างเป็นเรื่อง ง่ายดายเสียเหลือเกิน มีอุปกรณ์ไม่กี่อย่าง งัดๆ แงะๆ นิดหน่อย ก็ได้รถไปขายต่อละ แต่ในโลกความเป็นจริง การขโมยรถนั้น ไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถโจรมืออาชีพ

 

ข้อมูลจาก UN Office on Drugs and Crime ระบุว่า ในแต่ละปี จะมี 1 ใน 1,500 คนทั่วโลกตกเป็นเหยื่อ การโจรกรรมยานพาหนะ โดยในบางประเทศอัตราการได้รถคืนมานั้นต่ำกว่า 50% ดังนั้น การโจรกรรมยานพาหนะ ถือเป็นฝันดีและฝันร้ายของบริษัทประกันทั่วโลก ฝันดีเพราะหากไม่มีการโจรกรรมเกิดขึ้น คงไม่มีใครอยากเสียเงิน ทำประกัน แต่ฝันร้ายก็คือบริษัทประกันจะต้องจ่ายค่าเคลมเป็นเงินจำนวนมาก หากไม่สามารถติดตามรถกลับคืนมาได้ 

 

นอกจากนี้ข้อมูลยังระบุอีกว่า บริษัทประกันทั่วโลกต้องจ่ายค่าเคลมในแต่ละปีเป็นมูลค่าหลายพันล้านเหรียญ ดอลลาร์สหรัฐ จากการที่รถถูกขโมยและไม่สามารถติดตามคืนมาได้ จึงไม่สงสัยเลยว่า ทำไมบริษัทประกันเหล่านี้ จึงยอมลงทุน กับอุปกรณ์ในการติดตามสถานะ และทำทุกวิธีเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีนี้ไม่ให้เหล่าขโมยมืออาชีพตามได้ทัน

หลายปีก่อนบริษัทต่างๆ เริ่มมีการติดตั้งอุปกรณ์ GPS ในรถเพื่อติดตามสถานะ ก่อนที่จะเอา Internet of Things (IoT) เข้ามาพัฒนาจนเป็น Telematics ที่นอกจากจะช่วยบอกตำแหน่ง GPS ของรถยนต์แล้ว ยังเก็บข้อมูลการเดินทาง มาวิเคราะห์ให้ด้วยว่า คนขับมีสไตล์การขับแบบไหน ความเร็วเหมาะสมหรือไม่ เสี่ยงต่ออุบัติเหตุมากน้อยเพียงใด พอรู้ประวัติการขับขี่แล้ว ก็จะให้คะแนนประเมินการขับรถ การใช้ความเร็ว การเบรก การเลี้ยว หากอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ก็จะช่วยประหยัดค่าเบี้ยประกันในปีต่อไปมากขึ้นอีกด้วย แต่นั่นหมายถึงว่า..ถ้ารถของคุณไม่ถูกขโมยไปก่อนนะ!

 

การใช้ Telematics ที่ใช้สัญญาณ GPS แม้จะติดตามสถานะรถได้ผลจริง แต่ก็มีจุดอ่อนที่ว่า ถ้าเหล่าหัวขโมยรถ เอารถไปซ่อนไว้ในตึกใต้ดินหรือตู้คอนเทนเนอร์เหล็ก ก็หมดสิทธิ์ที่จะค้นหาสัญญาณเจอ หากเจอหัวขโมยรถมืออาชีพ เข้าไป คนเหล่านี้ก็สามารถที่จะใช้ Digital RF detector ในการหาว่าติด GPS ไว้ตรงไหนแล้วก็แกะมันออกอย่างง่ายดาย ก่อนขับรถหนีไป

 

ปัญหานี้สร้างความปวดหัวให้กับตำรวจและบริษัทประกันมาก จนกระทั่งมีการค้นพบว่าเทคโนโลยี IoT ที่ใช้สัญญาณ 0G บนโครงข่ายของ Sigfox นั้น ตอบโจทย์การป้องกันการโจรกรรมและติดตามสถานะยานพาหนะ ที่ถูกขโมยได้อย่างสมบูรณ์กว่าบนเทคโนโลยีการส่งสัญญาณแบบ GPS เมื่อเทียบกับโครงข่ายอื่นๆ เป็นเพราะสัญญาณ 0G เป็นคลื่น ความถี่วิทยุที่ต่ำและสั้นมาก และสัญญาณที่ส่งแต่ละครั้งจะถูกส่งตรงเข้า Base Station ของ Sigfox โดยตรงอย่างน้อย 3 สถานี เพื่อเพิ่มความมั่นใจว่ามีการรับส่งสัญญาณตลอด แม้แต่เวลาที่มี คนพยายามจะเจาะระบบหรือสถานีใดสถานีหนึ่งมีปัญหา

นอกจากเรื่องการรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนาของระบบแล้ว โครงข่ายสัญญาณ 0G ของ Sigfox ยังครอบ คลุมพื้นที่มากกว่า 72 ประเทศทั่วโลก ทำให้อัตราการค้นหายานหนะเจอนั้นเพิ่มสูงขึ้น และช่วยลดค่าเคลมประกันของรถ ที่ถูกขโมยลงได้อย่างมีนัยยะสำคัญ

 

ไม่นานมานี้ Queclink ผู้นำเทคโนโลยี IoT ระดับโลก ประกาศจับมือ Sigfox พัฒนา asset management และการเรียกคืนพาหนะที่ถูกขโมย (stolen vehicle recovery) โดย Queclink เป็นผู้พัฒนาและผลิต data-driven IoT hardware ขณะที่ Sigfox ช่วยปฏิวัติการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ด้วยโครงข่าย 0G ที่ใช้พลังงานน้อย ลงทุนไม่มาก และมีเครือข่ายครอบคลุมทั่วโลก

 

GL525 คือชื่อของอุปกรณ์ tracking ที่ทั้งสองช่วยกันพัฒนาขึ้นมา Alejandro Patino รองประธานกรรมการ ฝ่ายขายทั่วโลกของ Queclink เคยพูดถึงโครงข่าย 0G ของ Sigfox ว่าเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้อุปกรณ์ asset tracker ของ Queclink มีความโดดเด่นในตลาด โดยเฉพาะระบบการป้องกันการโจรกรรมที่น่าจะดีที่สุด ณ ขณะนี้ และแบตเตอรี่ที่ใช้ พลังงานน้อยมาก จึงสามารถใช้งานได้นับสิบปี ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ หากมาเฟีย โจโคโม จากหนังเรื่อง Overdrive รู้แบบนี้ คงไม่ลังเลที่จะเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยี asset tracking บนโครงข่าย 0G ของ Sigfox และสองพี่น้องตระกูลเคลมป์ คงต้องปวดหัวขึ้นอีกพันเท่าว่าจะขโมยรถหรูที่เป็นเป้าหมายเหล่านั้นได้อย่างไร...

 

สนใจสามารถสอบถามข้อมูล IoT Solutions เพิ่มเติมได้ที่ :

http://www.ptautomations.com/productbrand.php?id_b=11

 

บริษัท พีที ออโตเมชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด

433 ถนนสุคนธสวัสดิ์ แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ 10230

โทรและแฟกซ์ : +66(2)077-6989

อีเมล์ : product@pt-automations.com

Line ID : @pt-automations

Facebook : facebook.com/ptautomations

บริษัท พีที ออโตเมชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด

จันทร์ ถึง ศุกร์ เวลา 9.00 น. – 18.00 น.

EN
TH